Microsoft Office 365 มาพร้อมเครื่องมือที่ทรงพลังก็จริง แต่คนส่วนใหญ่มักต้องการใช้งานแค่โปรแกรมพื้นฐานอย่าง Word, Excel และ PowerPoint เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับการใช้งานเพียงเท่านี้ ค่าบริการรายเดือนหรือรายปีก็อาจจะดูสูงเกินความจำเป็นไปสักหน่อย
คุณอาจจะเคยสงสัยว่าจะมีวิธีไหนบ้างไหมที่จะได้ใช้โปรแกรมดีๆ แบบนี้โดยไม่ต้องเสียเงิน? ข่าวดีก็คือ มีแน่นอน! เพราะยังมีโปรแกรมทางเลือกอื่นๆ อีกมากมายที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรี
แต่ในเมื่อมีตัวเลือกมากมายขนาดนี้ จะรู้ได้อย่างไรว่าโปรแกรมไหนดีและคุ้มค่ากับเวลาของคุณ? ไม่ต้องกังวลครับ เพราะนี่คือหน้าที่ของผมเอง อ่านต่อเพื่อค้นพบสุดยอดโปรแกรมทางเลือกฟรีแทน Microsoft Office 365 ที่ดีที่สุดกันได้เลย!
สรุปภาพรวมแบบรวดเร็ว
ผมได้รวบรวมข้อมูลจากเครื่องมือที่ได้รับคะแนนสูงสุดในทุกแพลตฟอร์ม ตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้งานจริง และใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทดลองใช้ด้วยตัวเอง จนในที่สุดก็ได้คัดเลือก 5 โปรแกรมทางเลือกฟรีที่ดีที่สุดมาให้คุณแล้ว
แต่ละโปรแกรมล้วนมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ทุกโปรแกรมมีเหมือนกันคือความสามารถในการตอบสนองความต้องการงานเอกสารขั้นพื้นฐานของคุณได้อย่างครบถ้วน คุณสามารถดูสรุปภาพรวมคร่าวๆ ก่อนเพื่อทำความรู้จักกับข้อมูลสำคัญของแต่ละโปรแกรมได้เลย
เหมาะสำหรับ | ฟีเจอร์โดดเด่น | ข้อเสียหลัก | |
---|---|---|---|
WPS Office | เหมาะที่สุดสำหรับมืออาชีพที่ต้องการประสบการณ์การใช้งานที่คล้ายกับ Microsoft Office แต่เบาเครื่องกว่า พร้อมความสามารถในการเข้ากันได้ของไฟล์ที่ยอดเยี่ยมและเครื่องมือจัดการ PDF | มอบประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับ MS Office มากที่สุด มีเทมเพลตให้เลือกหลากหลาย | ฟีเจอร์ PDF ขั้นสูง เช่น การแก้ไขไฟล์ PDF จำเป็นต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน |
Google Docs, Sheets และ Slides | เหมาะที่สุดสำหรับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์และการผนวกรวมเข้ากับระบบของ Google Workspace | ทำงานร่วมกันและแชร์ไฟล์ได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด บันทึกอัตโนมัติและมีประวัติเวอร์ชันย้อนหลัง | ฟังก์ชันการทำงานแบบออฟไลน์มีจำกัด ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวกับการจัดเก็บบนคลาวด์ ปัญหาความเข้ากันได้ของไฟล์ |
OnlyOffice | เหมาะที่สุดสำหรับทีมงานมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือทำงานร่วมกันที่แข็งแกร่งและความเข้ากันได้กับ Microsoft Office | ประสบการณ์ใช้งานใกล้เคียงกับ MS Office มีปลั๊กอินให้ปรับแต่ง | ฟังก์ชันในเวอร์ชันฟรีมีจำกัด ต้องใช้เวลาเรียนรู้มากขึ้นสำหรับฟีเจอร์ขั้นสูง |
LibreOffice | เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบโอเพนซอร์สและผู้ใช้งานแบบออฟไลน์ที่มีอินเทอร์เน็ตจำกัด | ปรับแต่งหน้าตาโปรแกรมได้ตามใจชอบ | อาจมีปัญหาความเข้ากันได้กับเอกสาร MS Office ที่ซับซ้อน หน้าตาโปรแกรมอาจสร้างความสับสนให้ผู้เริ่มต้น |
Apache OpenOffice | เหมาะที่สุดสำหรับงานพื้นฐานบนคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า แม้จะดูไม่สวยงามเท่า LibreOffice | ฟรีอย่างสมบูรณ์และขับเคลื่อนโดยชุมชนผู้ใช้ | การพัฒนาช้ากว่าโปรแกรมทางเลือกอื่น ดีไซน์หน้าตาโปรแกรมที่ค่อนข้างล้าสมัย |
จากนั้นคุณสามารถสำรวจทางเลือกเหล่านี้ในรายละเอียด
1. WPS Office
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
|
|
WPS Office ซึ่งเปิดตัวในปี 1989 เป็นโปรแกรมทางเลือกฟรีแทน Microsoft Office ที่เบาเครื่องอย่างน่าทึ่ง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์รุ่นใหม่และรุ่นเก่า ประกอบด้วย Writer, Presentation และ Spreadsheets พร้อมด้วยชุดเครื่องมือ PDF ครบวงจรในตัวสำหรับแก้ไข เซ็นชื่อ และแปลงไฟล์ PDF
หน้าตาโปรแกรมที่คุ้นเคยคล้ายกับ Microsoft Office ทำให้ใช้งานง่าย และยังรองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกันในหน้าต่างเดียวแบบแท็บ WPS Office ใช้งานได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, macOS, Linux, iOS, Android และเว็บเบราว์เซอร์ นอกจากนี้ WPS Office ยังมีให้เลือกใช้งานในหลากหลายภาษาทั่วโลกอีกด้วย
รองรับไฟล์ได้หลายรูปแบบ รวมถึงไฟล์จาก MS Office เพื่อความเข้ากันได้ของไฟล์ที่ราบรื่นไร้ที่ติ อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ฟรี 1GB สำหรับซิงค์และแชร์ไฟล์ต่างๆ นอกจากนี้ คลังเทมเพลตและเครื่องมือเสริมประสิทธิภาพอันทรงพลัง เช่น การบันทึกหน้าจอและ OCR ยังทำให้โดดเด่นกว่าโปรแกรมทางเลือกอื่นๆ ที่คล้ายกัน
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ PDF ขั้นสูงบางอย่างจำเป็นต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน และเครื่องมือสำหรับการทำงานร่วมกันก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับ Google Docs
2. Google Docs, Sheets และ Slides
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
|
|
Google Workspace ซึ่งประกอบด้วย Docs, Sheets และ Slides เป็นชุดโปรแกรมสำนักงานที่ทำงานบนระบบคลาวด์เต็มรูปแบบ มีจุดเด่นด้านการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์และการบันทึกอัตโนมัติไปยัง Google Drive ทำให้เข้าถึงง่ายและข้อมูลไม่สูญหาย สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงและกู้คืนเวอร์ชันก่อนหน้าได้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันบนมือถือให้ใช้งานอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โปรแกรมยังขาดฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การจัดรูปแบบอย่างละเอียด สูตรที่ซับซ้อน และภาพเคลื่อนไหว เมื่อเทียบกับ Microsoft Office การใช้งานผ่านเบราว์เซอร์อาจให้ความรู้สึกไม่แข็งแกร่งเท่า และโหมดออฟไลน์ก็มีข้อจำกัด
แม้จะรองรับการนำเข้า/ส่งออกไฟล์ของ Microsoft แต่ก็อาจเกิดปัญหาการจัดรูปแบบได้กับไฟล์ที่มีความซับซ้อน นอกจากนี้ การจัดเก็บไฟล์บนคลาวด์อาจทำให้เกิดข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวได้เช่นกัน
3. OnlyOffice
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
|
|
OnlyOffice เป็นชุดโปรแกรมสำนักงานที่ครอบคลุม ทั้งเครื่องมือแก้ไข การทำงานร่วมกัน และการจัดการโปรเจกต์ ประกอบด้วยโปรแกรมทางเลือกแทน Word, Excel และ PowerPoint ที่ให้ความเข้ากันได้ที่ยอดเยี่ยมกับไฟล์รูปแบบของ Microsoft Office (DOCX, XLSX, PPTX) นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอินที่สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ เช่น เครื่องมือ CRM และอีเมล ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน
เวอร์ชันที่ทำงานบนคลาวด์รองรับการแก้ไขร่วมกันแบบเรียลไทม์ การแสดงความคิดเห็น และการติดตามการเปลี่ยนแปลง จึงเหมาะสำหรับทีมที่ทำงานทางไกล แต่การตั้งค่าสภาพแวดล้อมบนคลาวด์อาจซับซ้อนกว่า Google Docs และแม้ว่าเวอร์ชันเดสก์ท็อปจะฟรี แต่ฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างการทำงานร่วมกันบนคลาวด์จำเป็นต้องสมัครสมาชิก
เมื่อเทียบกับโปรแกรมทางเลือกที่เบาเครื่องกว่า OnlyOffice ใช้ทรัพยากรระบบมากกว่า ทำให้ทำงานช้าลงบนอุปกรณ์รุ่นเก่า นอกจากนี้ เทมเพลตที่มีจำกัดอาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการตัวเลือกการออกแบบที่รวดเร็ว
4. LibreOffice
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
|
|
LibreOffice เป็นชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนซอร์สฟรี ที่มีทั้ง Writer, Calc, Impress และอื่นๆ เพื่อใช้แทน Word, Excel และ PowerPoint เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับไฟล์รูปแบบของ Microsoft Office และทำงานได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, macOS และ Linux ด้วยฟังก์ชันการทำงานแบบออฟไลน์และตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ที่มีอินเทอร์เน็ตจำกัด
อย่างไรก็ตาม การจัดรูปแบบที่ซับซ้อนและมาโครอาจไม่สามารถถ่ายโอนจาก MS Office ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจเป็นปัญหาในการทำงานร่วมกัน หน้าตาโปรแกรมให้ความรู้สึกที่ไม่ทันสมัยเท่า MS Office หรือ WPS Office ทำให้ผู้ใช้ใหม่อาจต้องใช้เวลาปรับตัว นอกจากนี้ยังขาดบริการคลาวด์ในตัว ทำให้การทำงานร่วมกันออนไลน์ไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
5. Apache OpenOffice
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
|
|
Apache OpenOffice เป็นชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนซอร์สฟรีที่มีเครื่องมือสำหรับประมวลผลคำ สเปรดชีต และงานนำเสนอ รองรับไฟล์รูปแบบของ Microsoft Office ได้เป็นอย่างดี ทำให้เปิดและแก้ไขไฟล์ DOCX, XLSX และ PPTX ได้ง่าย OpenOffice ยังรองรับส่วนขยายและเทมเพลตเพิ่มเติมเพื่อการปรับแต่ง เช่น Dictionary และ PDF Import Extension
OpenOffice ทำงานแบบออฟไลน์ได้ ซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมทางเลือกที่ทำงานบนคลาวด์ จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีอินเทอร์เน็ตจำกัด แต่ก็ต้องใช้โซลูชันจากภายนอกเพื่อการจัดเก็บบนคลาวด์และการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังขาดฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างมาโครและเครื่องมือจัดการข้อมูลที่พบได้ใน MS Office
และหน้าตาโปรแกรมที่ล้าสมัยอาจทำให้ประสบการณ์การใช้งานไม่ดีนัก แม้ว่าจะรองรับไฟล์รูปแบบของ MS Office แต่การจัดรูปแบบที่ซับซ้อนก็อาจไม่สามารถถ่ายโอนได้อย่างสมบูรณ์เสมอไป ทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้ในสภาพแวดล้อมที่ต้องทำงานร่วมกัน
แล้วโปรแกรมไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด?
ในบทความนี้ เราได้นำเสนอ 5 สุดยอดโปรแกรมทางเลือกฟรีแทน Microsoft Office 365 ซึ่งได้แก่ WPS Office, LibreOffice, Google Docs, Apache OpenOffice และ OnlyOffice โดยทุกโปรแกรมต่างก็มีคุณสมบัติเด่นของตัวเอง
ในการพิจารณาว่าโปรแกรมไหนเหมาะกับคุณที่สุด ให้ลองคิดถึงความต้องการของคุณเป็นหลัก คุณอาจเลือก WPS Office เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย หรือเลือก Google Workspace เพื่อฟังก์ชันการทำงานร่วมกันออนไลน์ บางครั้งคุณอาจพบว่าการสมัครสมาชิกแบบเสียเงินนั้นคุ้มค่ากว่า เพราะคุณต้องการใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลของคุณ
และถ้าคุณยังไม่มีไอเดียที่เฉพาะเจาะจง ลองใช้ WPS Office ก่อนก็ได้ เพราะโปรแกรมนี้เข้ากันได้กับ MS Office 100% และมีฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายกับ Microsoft Office มากที่สุดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงคลิกปุ่มดาวน์โหลดแล้วลองใช้ดูเลย!