งาน WWDC 2025 เพิ่งจบไปหมาดๆ และคุณคงกำลังตื่นเต้นกับลูกเล่นใหม่ๆ ใน iOS 26 ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ใหม่สุดเจ๋ง, AI สุดฉลาดล้ำ หรือการอัปเกรดแอปที่ทำให้ iPhone ของคุณเหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟ คุณคงอยากรู้แล้วใช่ไหมว่ามีอะไรใหม่ๆ บ้าง, จะมาเมื่อไหร่, โทรศัพท์ของคุณรองรับไหม และจะทำงานต่อได้อย่างไรให้ราบรื่นโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท คู่มือนี้จะมาเจาะลึกทุกฟีเจอร์ของ iOS 26, วันเปิดตัว, iPhone รุ่นที่รองรับ และเหตุผลที่ WPS Office เป็นแอปฟรีที่ต้องมีติดเครื่องเพื่อการทำงานอย่างไม่สะดุด มาปลุกความตื่นเต้นและเตรียมตัวให้พร้อมกันเลย!
ส่วนที่ 1: ฟีเจอร์เด็ดใน iOS 26 ที่จะทำให้คุณต้องร้องว้าว

ฟีเจอร์ของ iOS 26 คือไฮไลท์เด็ดของงานนี้เลย ตั้งแต่ดีไซน์ใหม่สุดปังไปจนถึง AI ที่ฉลาดล้ำเหมือนมีเวทมนตร์ นี่คือสิ่งที่ทุกคนพูดถึงกันให้แซ่ด อิงจากข้อมูลหลุดและสิ่งที่ Apple เปิดตัวในงาน WWDC 2025
iOS 26 กำลังจะมาพลิกโฉมวงการครั้งใหญ่ พร้อมข้อมูลหลุดจาก 9to5Mac และ Bloomberg ที่ชี้เป้าไปที่การอัปเกรดสุดเจ๋งหลายอย่าง นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นสุดๆ:
ดีไซน์แบบ Liquid Glass: ลุคโปร่งแสงแบบ 3 มิติ พร้อมไอคอนสไตล์แก้วใส เมนูลอยได้ และองค์ประกอบที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว ทำให้ iPhone ของคุณดูล้ำยุคแต่ก็ยังคุ้นเคย นาฬิกาบนหน้าจอล็อกจะปรับเปลี่ยนตามวอลเปเปอร์ของคุณ และไอคอนแอปก็ดูมีมิติเป็นประกาย

Apple Intelligence ที่ฉลาดขึ้นอีกขั้น: Siri ได้รับการอัปเกรดสมองครั้งใหญ่ด้วยโมเดลภาษาขั้นสูง สามารถจัดการงานซับซ้อนอย่างการวางแผนหรือตอบคำถามแบบออฟไลน์ได้ ส่วน Visual Intelligence ให้คุณวิเคราะห์ภาพหน้าจอหรือวัตถุต่างๆ ผ่านกล้องได้เลย—เหมือนการค้นหาสินค้าจากในรูป คล้ายกับฟีเจอร์ Circle to Search ของ Google โดยบางฟีเจอร์จำเป็นต้องใช้ iPhone 15 Pro หรือใหม่กว่า

การอัปเกรดแอปต่างๆ: แอปโทรศัพท์ (Phone) ได้รับการปรับโฉมให้รวมรายชื่อและประวัติการโทรไว้ในหน้าเดียว พร้อมฟีเจอร์ Call Screening สำหรับกรองสแปม แอปข้อความ (Messages) เพิ่มการสร้างโพลล์ พื้นหลังแบบกำหนดเอง และการแปลภาษาสด Apple Maps สามารถติดตามสถานที่ที่เคยไป (Visited Places) และ CarPlay ก็มาพร้อมวิดเจ็ตและหน้าจอการโทรที่กะทัดรัดขึ้น นอกจากนี้ยังมีแอปเกม (Games) ใหม่ที่เป็นศูนย์รวมทุกอย่างสำหรับคอเกม

เครื่องมือสร้างสรรค์: Genmoji ให้คุณผสมหรือปรับแต่งอิโมจิได้เอง และ Image Playground ก็ช่วยสร้างภาพในสไตล์ใหม่ๆ ส่วน AutoMix ใน Apple Music จะมิกซ์เพลงต่อเนื่องให้คุณเหมือนมีดีเจส่วนตัว และ Lyrics Translation ก็ช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของเพลงต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

ฟีเจอร์เหล่านี้ใน iOS 26 ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญ ทำให้โทรศัพท์ของคุณทั้งสวยขึ้นและฉลาดขึ้น ผมนี่แทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ลองใช้ Visual Intelligence กับภาพหน้าจอ หรือสร้างโพลล์สนุกๆ ในแชทกลุ่มแล้ว!
ส่วนที่ 2: ตอนนี้ฉันสามารถลองใช้ฟีเจอร์ iOS 26 ได้หรือยัง?
อยากลองเล่นฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ iOS 26 แล้วใช่ไหม? คุณอาจจะต้องรออีกสักหน่อย แต่มาดูกันว่าทำไม และจะติดตามข่าวสารเพื่อเข้าใช้งานก่อนใครได้อย่างไร
ณ เดือนกรกฎาคม 2025, iOS 26 ยังไม่เปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ—นี่คือข้อมูลล่าสุด:
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ: โดยปกติ Apple จะเปิดตัว iOS ในงาน WWDC ช่วงเดือนมิถุนายน (คาดว่าจะเป็นวันที่ 9 หรือ 10 มิถุนายน 2025) พร้อมกับเวอร์ชัน Beta สำหรับนักพัฒนา จากนั้นจะปล่อยเวอร์ชัน Public Beta ในเดือนกรกฎาคม ส่วนเวอร์ชันเต็มคาดว่าจะปล่อยให้อัปเดตพร้อมกับ iPhone 17 ราวๆ วันที่ 16 กันยายน 2025
ความเสี่ยงของเวอร์ชัน Beta: เวอร์ชัน Beta มีไว้เพื่อการทดสอบและอาจมีบั๊ก เช่น แอปเด้งหรือแบตเตอรี่หมดเร็ว ไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ยกเว้นว่าคุณจะมีอุปกรณ์สำรอง ควรรอเวอร์ชันเสถียรสำหรับโทรศัพท์เครื่องหลักของคุณ
ติดตามข่าวสารจาก Apple หรือเว็บไซต์อย่าง MacRumors เพื่อรับข้อมูลอัปเดต Public Beta ในเดือนกรกฎาคมคือโอกาสที่คุณจะได้ลองใช้ฟีเจอร์ iOS 26 ก่อนใคร แต่อย่าลืมสำรองข้อมูลก่อนล่ะ!
ส่วนที่ 3: iOS 26 จะเปิดตัวเมื่อไหร่?

คุณคงอยากรู้ใจจะขาดแล้วใช่ไหมว่าฟีเจอร์ใหม่สุดเจ๋งของ iOS 26 จะมาถึง iPhone ของคุณเมื่อไหร่ แม้ Apple จะยังไม่ประกาศวันที่ที่แน่นอน แต่จากข้อมูลหลุดและแนวทางที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่เราคาดการณ์ได้
วันเปิดตัว iOS 26 เป็นประเด็นร้อนที่ทุกคนให้ความสนใจ จากประวัติที่ผ่านมาของ Apple และข้อมูลหลุดต่างๆ:
การประกาศ: คาดว่าจะมีการเปิดตัวครั้งใหญ่ในงาน WWDC 2025 ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ 9 หรือ 10 มิถุนายน โดย Apple จะโชว์ฟีเจอร์เด่นๆ ของ iOS 26
การทดสอบ Beta: เวอร์ชัน Beta สำหรับนักพัฒนาจะถูกปล่อยออกมาในงาน WWDC ตามด้วย Public Beta ในเดือนกรกฎาคม สำหรับการทดลองใช้งานบนอุปกรณ์สำรอง
การเปิดตัวสำหรับบุคคลทั่วไป: เวอร์ชันเต็มคาดว่าจะเปิดให้อัปเดตในช่วงกลางเดือนกันยายน 2025 น่าจะเป็นวันที่ 16 กันยายน พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 17 ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการปกติของ Apple
ปักหมุดรอเดือนกันยายนไว้ได้เลย แต่ก็อย่าลืมจับตาดูประกาศยืนยันจากเว็บไซต์ของ Apple อีกที บางฟีเจอร์ เช่น AI ขั้นสูง อาจจะทยอยปล่อยออกมาใน iOS 26.1
ส่วนที่ 4: iPhone รุ่นไหนบ้างที่รองรับ iOS 26?

สงสัยอยู่ใช่ไหมว่า iPhone ของคุณจะสามารถใช้งานฟีเจอร์ของ iOS 26 ได้หรือไม่? มาดูกันว่ารุ่นไหนมีแนวโน้มที่จะได้ไปต่อ และรุ่นไหนอาจจะต้องโบกมือลา
Apple จะอัปเดตรายชื่อรุ่นที่รองรับทุกครั้งที่มีการเปิดตัว iOS ใหม่ นี่คือรายชื่อที่คาดการณ์สำหรับ iOS 26:
iPhone ที่รองรับ: iPhone 11, SE (รุ่นที่ 2 ปี 2020) และรุ่นใหม่กว่า (ซีรีส์ 11 Pro, 12, 13, 14, 15, 16) น่าจะรองรับ iOS 26 ได้ทั้งหมด ส่วนฟีเจอร์ Apple Intelligence อย่างการแปลภาษาสด (Live Translation) จำเป็นต้องใช้ iPhone 15 Pro หรือใหม่กว่า เนื่องจากต้องการพลังการประมวลผลของชิปที่สูงกว่า
รุ่นที่ยังไม่แน่นอน: iPhone SE (รุ่นที่ 3 ปี 2022) น่าจะยังใช้งานได้ แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ 100% เนื่องจากใกล้จะครบกำหนดการซัพพอร์ต 5 ปีแล้ว
รุ่นที่ไม่รองรับ: iPhone XR, XS และ XS Max (ปี 2018) มีแนวโน้มสูงที่จะไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากชิป A12 อาจไม่สามารถรองรับการทำงานที่หนักหน่วงของ iOS 26 ได้
ตรวจสอบรุ่นของคุณได้ที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > เกี่ยวกับ หากคุณใช้ iPhone 11 หรือใหม่กว่า ก็น่าจะสบายใจได้ แต่โทรศัพท์รุ่นเก่าอาจมีปัญหากับฟีเจอร์ AI
ส่วนที่ 5: ทำงานไม่สะดุดด้วย WPS Office

ฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน iOS 26 นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่คุณก็ยังต้องการเครื่องมือที่ช่วยให้งานของคุณลื่นไหลโดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ WPS Office เป็นแอปฟรี น้ำหนักเบา ที่เหมาะสุดๆ สำหรับ iOS 26—นี่คือวิธีการใช้งาน
การอัปเกรดสุดล้ำของ iOS 26 นั้นน่าตื่นตาตื่นใจ แต่คุณคงไม่อยากให้แอปราคาแพงมาทำให้เครื่องช้าลง WPS Office สำหรับ iOS คือตัวเลือกที่ผมใช้ประจำ—เพราะมันฟรี ขับเคลื่อนด้วย AI และช่วยให้งานของคุณราบรื่นไร้รอยต่อ นี่คือเหตุผลที่มันสุดยอด:
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลด WPS Office: ค้นหา “WPS Office” ใน App Store หรือไปที่ wps.com แตะ “ติดตั้ง” และอนุญาตการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

ขั้นตอนที่ 2: ซิงค์ไฟล์ของคุณ: ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี WPS ฟรีเพื่อใช้ WPS Cloud ในการซิงค์เอกสารระหว่าง iPhone, iPad และแล็ปท็อป ทำให้งานของคุณปลอดภัยและเข้าถึงได้จากทุกที่

ขั้นตอนที่ 3: แก้ไขด้วยเทมเพลต: แตะ “ใหม่” แล้วเลือกเทมเพลต (เอกสาร, ชีต, สไลด์) และเริ่มแก้ไขด้วยข้อความหรือรูปภาพ บันทึกไปยัง WPS Cloud หรือบันทึกไว้ในเครื่อง
ขั้นตอนที่ 4: ใช้งานได้อย่างเสถียร: การออกแบบที่เบาของ WPS ทำให้แอปทำงานได้อย่างราบรื่นบน iOS 26 แม้ในช่วงที่มีบั๊กจากเวอร์ชัน Beta ใช้ OCR สำหรับการสแกน หรือโหมดมืด (Dark Mode) สำหรับการทำงานในเวลากลางคืน
ผมใช้ WPS Office แก้ไขบันทึกบน iPad ด้วย Apple Pencil มาตลอด และมันให้ความรู้สึกเหมือนเขียนบนกระดาษเลย—ลื่นไหลสุดๆ มันช่วยให้งานของผมเดินหน้าต่อไปได้แม้จะเจอบั๊กจากเวอร์ชัน Beta และที่สำคัญคือมันฟรี ซึ่งเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
คำถามที่ 1: ฉันจะตรวจสอบรุ่น iPhone ของฉันได้อย่างไร?
ไปที่ การตั้งค่า > แตะ ทั่วไป > เกี่ยวกับ และตรวจสอบชื่อรุ่นของคุณ (เช่น iPhone 14) และหมายเลขรุ่น (เช่น A2651) เป็นวิธีที่รวดเร็วในการดูว่า iPhone ของคุณจะใช้งาน iOS 26 ได้หรือไม่
คำถามที่ 2: ฉันจะอัปเดตเป็น iOS 26 ได้อย่างไร?
เมื่อเวอร์ชันเต็มเปิดตัวแล้ว ให้สำรองข้อมูล iPhone ของคุณ ไปที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ แล้วแตะ “ดาวน์โหลดและติดตั้ง” ขณะเชื่อมต่อ Wi-Fi และเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ไว้
คำถามที่ 3: ฉันต้องมีบัญชีนักพัฒนาเพื่อใช้ iOS 26 beta หรือไม่?
ไม่จำเป็น คุณสามารถเข้าร่วมโปรแกรมซอฟต์แวร์ Apple Beta ได้ฟรีที่ beta.apple.com บัญชีนักพัฒนาที่มีค่าใช้จ่าย $99/ปี เพียงแค่ช่วยให้คุณเข้าถึงได้เร็วกว่าเท่านั้น
คำถามที่ 4: แอปต่างๆ จะทำงานบน iOS 26 beta ได้หรือไม่?
ส่วนใหญ่ควรจะทำงานได้ แต่อาจมีบางแอปที่เด้งจนกว่านักพัฒนาจะอัปเดตแอปให้รองรับ ตรวจสอบการอัปเดตใน App Store เพื่อให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่น
คำถามที่ 5: ฉันจะลบ iOS 26 beta ออกได้อย่างไรหากมีปัญหา?
เสียบ iPhone ของคุณเข้ากับ Mac/PC เข้าสู่โหมดการกู้คืน (กดปุ่มเพิ่มเสียง แล้วกดปุ่มลดเสียง จากนั้นกดปุ่มด้านข้างค้างไว้) และกู้คืนข้อมูลสำรองก่อนติดตั้ง Beta ด้วย Finder/iTunes ย้ำอีกครั้งว่าต้องสำรองข้อมูลไว้ก่อน!